ช่วงนี้ก็เริ่มเข้าหน้าหนาวแล้วนะคะ อุณหภูมิโดยทั่วไปก็เริ่มลดต่ำลง และในช่วงหน้าหนาวนี้เองก็มักจะพบว่าสุนัขแสนรักของท่านป่วยด้วยโรคหลายๆโรค โดยเฉพาะโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัส 
สำหรับโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสในสุนัขมักจะเป็นโรคติดต่อที่มักจะทำให้สัตว์แพทย์ปวดหัวกันเลยทีเดียว  เนื่องจากเป็นที่ทราบกันอยู่แล้วว่าไม่มียาตัวใดที่จะฆ่าเจ้าตัวร้ายนี้ได้  การที่จะทำให้สัตว์หายป่วยนั้นขึ้นอยู่กับระดับภูมิคุ้มกันของตัวสัตว์เอง และการรักษาจึงทำได้เพียงแบบประคับประคอง ได้แก่ การให้สารน้ำทดแทน การป้องกันการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน เป็นต้น
ซึ่งในช่วงหน้าหนาวนี้ทีมสัตวแพทย์อายุรกรรมโรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ จะมาให้คำแนะนำในการเลี้ยงดูสุนัขในหน้าหนาว เพื่อจะทำให้สุนัขของทุกๆท่านปลอดจากโรคดังกล่าว โดยจะขอกล่าวถึงเป็นโรคๆดังต่อไปนี้

1.canine herpevirus

สาเหตุ:       ลูกสัตว์แรกเกิดร่างกายมีอุณหภูมิต่ำ จะมีความไวต่อการติดเชื้อไวรัสนี้ ซึ่งเป็นสาเหตุของการตายในลูกสัตว์แรกเกิดที่อายุระหว่าง 9-14 วัน
การติดต่อ: ลูกสุนัขสามารถติดต่อจากแม่สัตว์ผ่านทางน้ำลาย น้ำจากช่องคลอด 
อาการ:        ลูกสัตว์จะกระวนกระวาย ร้องตลอดเวลา ปวดท้อง หายใจถี่  อาจชักหรือเสียชีวิตภายใน 24 ชั่วโมง
การรักษา:  ทำได้เพียงแบบประคับประคอง ได้แก่ การให้สารน้ำทดแทน การป้องกันการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน เป็นต้น
การป้องกัน:ไม่มีวัคซีนป้องกันโรคนี้ ดังนั้นควรรักษาสุขภาพแม่สุนัขให้แข็งแรง   ให้ลูกสุนัขอยู่ในสภาพแวดล้อมที่อบอุ่นประมาณ 37 องสาเซลเซียส

2.โรคไข้หัดสุนัข  canine distemper

สาเหตุ:       เกิดจาดการติดเชื้อไวรัส
การติดต่อ: สามารถติดต่อได้หลายทางไม่ว่าจะเป็น ทางอุจจาระ น้ำลาย ปัสสาวะ น้ำมูก น้ำตา  และที่สำคัญคือการติดต่อผ่านทางอากาศและการหายใจ
อาการ:        ในรายที่รุนแรงจะพบว่าสัตว์มีน้ำมูกน้ำตา ไอ หายใจลำบาก ท้องเสีย อาเจียน  ปอดปวม บริเวณจมูกและฝ่าเท้าจะหนาตัวขึ้น และอาการทางประสาท เช่น ชัก อัมพาต
การรักษา:   ทำได้เพียงแบบประคับประคอง เช่นเดียวกัน
การป้องกัน: สามารถป้องกันได้ด้วยการฉีดวัคซีนและไม่สัมผัสกับสุนัขที่ติดเชื้อ  เนื่องจากสภาพอากาศเย็นนั้นความชุ่มชื้นของทางเดินหายใจส่วนต้นจะน้อยทำให้กระบวนป้องกันโรคของร่างกายทำงานได้ไม่เต็มที่ จะติดเชื้อต่างๆ ได้ง่ายขึ้น

3.โรคติดเชื้อทางระบบทางเดินหายใจ 

สาเหตุ:       เกิดได้จากหลายสาเหตุด้วยกัน ทั้งไวรัส แบคทีเรีย  หรือรวมกันทั้งสองอย่าง
การติดต่อ: ทางการหายใจหรือสิ่งคัดหลั่ง พบได้บ่อยโดยเฉพาะแหล่งขายสุนัขที่เลี้ยงแออัด การระบายและสภาพแวดล้อมไม่ดี ร้อน หนาว หรือลมโกรกมากเกินไป
อาการ:       มักแสดงอาการแบบเรื้อรัง มีไข้ไม่สูงนัก  กินอาหารได้แต่น้อย ไอมีเสมหะ อาจพบน้ำมูกข้นเล็กน้อย
 การรักษา:  การรักษาจึงทำได้เพียงแบบประคับประคอง เช่นเดียวกันแต่ถ้าไม่รักษาอาจปวดปวม หายใจลำบาก และเสียชีวิตได้
การป้องกัน: ปรับสภาพแวดล้อม  ออกกำลังกาย อยู่ในที่อบอุ่น ในสุนัขี่ขนสัตว์อาจจะใส่เสื้อสำหรับสุนัขเพื่อเพิ่มความอบอุ่นให้แก่ร่างกาย

จากทั้งหมดที่กล่าวมาพบว่า เรามักจะพบอัตตราเสียชีวิตที่สูงในลูกสุนัข ส่วนในรายสุนัขที่โตแล้วนั้นพบว่าอัตราการเสียชีวิตจะน้อยลงเนื่องจากร่างกายสามารถสร้างภูมิต้านทานได้  ดังนั้นการทำวัคซีนตามโปรแกรมในลูกสุนัขเป็นการป้องกันโรคที่ดีอย่างหนึ่ง  เจ้าของสุนัขควรตรวจเช็คประวัติวัคซีนประจำปี  บำรุงรักษาสุขภาพร่างกายของสัตว์ให้แข็งแรง  ได้รับโภชนาการที่เหมาะสม  มีการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ  และงดการนำสุนัขไปพบปะกับสุนัขที่มีประวัติวัคซีนที่ไม่แน่นอน  และพยายามให้ร่างกายสุนัขอบอุ่นอยู่เสมอ เท่านี้ก็สามารถช่วยลดอัตราการเกิดโรคไวรัศในช่วงหน้าหนาวนี้หรือหน้าหนาวปีหน้าได้แล้วคะ