หลายๆท่านคงจะตั้งคำถามไว้นะคะว่า
สัตว์เลี้ยงต้องตรวจเลือดด้วยหรือ? แล้วตรวจไปเพื่ออะไร? ไม่ตรวจได้หรือไม่? แล้วถ้าต้องตรวจเลือดจริงๆต้องมีการเตรียมตัวอย่างไร?
วันนี้สัตวแพทย์ประจำคลินิกอายุรกรรมโรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อจะมาบอกเล่าให้หลายๆท่านเข้าใจว่าทำไมต้องตรวจเลือด
ทำไมต้องตรวจเลือด?
เนื่องจากอาการของโรคหลายชนิดในสัตว์เลี้ยงส่วนใหญ่มีอาการใกล้เคียงกัน
เช่น การอาเจียน ซึ่งอาจมีสาเหตุจากระบบทางเดินอาหารโดยตรง หรือเกิดจากความผิดปกติของระบบอวัยวะอื่น
เช่น ไตวาย หรือตับอักเสบ ดังนั้นเครื่องมือในการวินิจฉัยโรคของสัตวแพทย์ นอกจากการซักประวัติจากเจ้าของ
การสังเกตอาการที่เกิดขึ้น และการตรวจร่างกายทั่วไปแล้ว อาจจะไม่เพียงพอสำหรับการวินิจฉัยโรค ดังนั้นจึงจำเป็นที่ต้องมีการตรวจเพิ่มเติมทางห้องปฏิบัติการ
จะขอยกตัวอย่างทางห้องปฏิบัติการที่คิดว่าหลายๆท่านคงได้ตรวจมาบ้างแล้ว
นั้นได้แก่ การตรวจเลือด ตรวจปัสสาวะ ตรวจอุจจาระ และเพาะเชื้อรา ซึ่งการตรวจทางห้องปฏิบัติพื้นฐานที่มักได้รับความนิยมในการตรวจมากที่สุด
คือ การตรวจเลือด เนื่องจากข้อมูลที่ได้จากเลือดสามารถบ่งชี้ข้อมูลการทำงานของอวัยวะที่สำคัญในร่างกายได้หลายระบบในระยะเวลาสั้น
แล้วตรวจไปเพื่ออะไร?
การตรวจเลือดนั้นจะทำให้พบข้อมูลที่สามารถบอกได้ว่าสัตว์เลี้ยงของเรานั้นปกติหรือผิดปกติ
แล้วถ้าผิดปกตินั้นเกิดมาจากอวัยวะใดเพื่อนำข้อมูลทั้งหมดมาวินิจฉัย รักษา
และป้องกันโรคที่เกิดได้ ซึ่งข้อมูลที่ได้จากการตรวจเลือด
ได้แก่
1.การตรวจนับจำนวนเม็ดเลือด
ซึ่งแบ่งเป็น เม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาว และเกล็ดเลือด
- จำนวนเม็ดเลือดแดง
ถ้ามีระดับต่ำกว่าค่าปกติ แสดงว่ามีภาวะของเลือดจาง ในกรณีที่มีภาวะเลือดจางอย่างรุนแรง
ซึ่งอาจจะบ่งบอกถึงโรคได้หลายโรคเช่น พยาธิเม็ดเลือด โรคไตวายเรื้อรังเป็นต้น
- จำนวนเม็ดเลือดขาว เป็นตัวที่บอกถึงภาวะการติดเชื้อที่เกิดขึ้นในร่างกาย
เนื่องจากเม็ดเลือดขาวมีหน้าที่ป้องกันการรุกรานของเชื้อโรคต่างๆ
- เกล็ดเลือด
มีหน้าที่ในการควบคุมการแข็งตัวของเลือด ถ้าจำนวนลดต่ำกว่าระดับปกติ บ่งชี้ภาวะความผิดปกติของการแข็งตัวของเลือด
ซึ่งเมื่อมีเลือดออก เลือดจะหยุดไหลช้า หรือเกิดจ้ำเลือดที่ผิวหนังได้ ส่วนสาเหตุที่ทำให้เกล็ดเลือดลดจำนวนลง
ได้แก่ พยาธิเม็ดเลือด ยาบางชนิด (เคมีบำบัด) โรคต่อต้านภูมิคุ้มกันตนเอง
การเสียเลือด และมะเร็งในไขกระดูก เป็นต้น
2.การตรวจสมรรถภาพของตับ
ตับเป็นอวัยวะที่สำคัญต่อร่างกายเป็นอย่างยิ่ง
เนื่องจากตับจะทำหน้าที่สังเคราะห์โปรตีนบางชนิด ขับทิ้งของเสียหรือยาบางชนิด
และสะสมสารหลายชนิด ในกรณีที่เซลล์ตับเกิดความเสียหายหรือเกิดการคั่งของท่อน้ำดี
ตับจะหลั่งเอ็นไซม์บางชนิดออกมาในระดับที่สูงกว่าระดับปกติในกระแสเลือด
3.การตรวจสมรรถภาพของไต
โดยปกติไตจะทำหน้าที่กรองของเสียออกจากร่างกาย
โดยจะขับออกมากับปัสสาวะ แต่ในกรณีที่ไตเกิดความเสียหาย ไม่สามารถกรองของเสียได้
แทนที่ของเสียจะถูกขับทิ้ง แต่กลับถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือด ซึ่งของเสียเหล่านี้จะมีผลต่อการทำงานของอวัยวะระบบต่างๆ
ความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับการกรองของไตสามารถตรวจพบได้จากค่าของเสียที่สูงขึ้นในกระแสเลือด
4.การตรวจระดับน้ำตาลในเลือด
เพื่อวินิจฉัยโรคเบาหวานรวมถึงติดตามผลการรักษา
5.การตรวจระดับอิเลคโตรไลท์และความสมดุลกรดด่างในกระแสเลือด
มักทำการตรวจในกรณีฉุกเฉิน
และ metabolic
disease เนื่องจากอิเล็คโตไลท์บางชนิด
และความสมดุลกรดด่างมีผลเกี่ยวข้องกับการทำงานของหัวใจ
หากแก้ไขให้อยู่ในภาวะสมดุลย์สัตว์อาจพ้นจากภาวะฉุกเฉินได้
นอกจากนี้ยังมีการตรวจพิเศษอีกหลายชนิดที่สามารถตรวจได้จากเลือด
ซึ่งสัตวแพทย์ผู้รักษาเป็นผู้พิจารณาส่งตรวจตามความเหมาะสม
จะต้องเตรียมตัวอย่างไรก่อนการตรวจเลือด?
งดอาหารก่อนตรวจประมาณ
8-12 ชั่วโมง เพื่อไม่ให้เกิดการรบกวนค่าเลือดที่ตรวจ
ทำให้ได้ผลที่คลาดเคลื่อนกับความเป็นจริง
เมื่อสัตว์เลี้ยงของท่านอายุมากขึ้น
การตรวจเลือดเพื่อตรวจสอบการทำงานของร่างกายอย่างน้อยปีละหนึ่งครั้งเป็นสิ่งที่จำเป็นมากนะคะ
เพราะถ้าตรวจพบได้เร็ว รักษาได้เร็ว ป้องกันได้เร็ว
สัตว์เลี้ยงแสนรักก็จะอยู่เป็นเพื่อนแท้กับเราไปได้อีกนาน
สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่คลินิกอายุรกรรมโรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อทุกสาขา
โทร 02-712-6301-4
TAGS :
COMMENTS